วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

LES PRONOMS PERSONNELS : Le pronom "en" [คำสรรพนาม]

LES PRONOMS PERSONNELS : Le pronom "en" [คำสรรพนาม]
 Le pronom "en"
          หน้าที่ :
             1. แทนคำนามที่นำหน้าด้วยสำนวนบอกจำนวนหรือปริมาณ :
             1.1 แทนคำนามที่นำหน้าด้วย คำนำหน้านามที่ไม่เจาะจง (article indéfini) : un, une, des :
             - Ronald mange un gâteau.      Il en mange un.
             - Fabrice mange une tarte aux pommes.      Il en mange une.
             - Nathalie mange des fruits.      Elle en mange.
            1.2 แทนคำนามที่นำหน้าด้วย คำนำหน้านามที่มีความหมาย "บางส่วน" (article partitif) : du, de la, de l' : 
             - Carole boit du lait.      Elle en boit.
             - Odette boit de la bière   Elle en boit.
             - Catherine boit de l' eau.      Elle en boit.
            1.3 แทนคำนามที่ระบุจำนวนหรือปริมาณ [ปริมาณที่ระบุจะอยู่ท้ายประโยค]
             - Il y a soixante étudiants dans vette classe ?      Oui, il y en a soixante 

- Tu as beaucoup de travail ?       Oui, j' en ai beaucoup.

        - Est-ce qu'ils ont des enfants ?       Oui, ils en ont un.
Tu as beaucoup de travail ?       Oui, j' en ai beaucoup.
        - Est-ce qu'ils ont des enfants ?       Oui, ils en ont un.
                                                                        Non, ils n' en ont pas.
                                                    [ ในประโยคปฏิเสธจะไม่มี "un, une หรือ des" ลงท้าย ]
          2. แทนที่คำนามที่เป็นสิ่งของนำหน้าด้วยบุพบท "de" หรือโครงสร้างกริยาหรือคุณศัพท์ "de" ประกอบ 
          - Est-ce qu' il parle de son problème ?      Oui, il en parle.
          - Est-ce que tu es content de ton travail ?      Oui, j' en suis content.
          - Est-ce que tu te souviens de ce qu' il a dit ?      Oui, je m' en souviens très bien.
        สำหรับคำนามที่เป็นบุคคล ใช้ "de" ตามด้วย สรรพนามที่ใช้ตามหลังบุพบท (pronom tonique)
          - Tu parle de ton professeur ?      Oui, je parle de lui.
          - Vous vous souvenez de cette élève qui était très timide et qui aimait rester dans son coin ?
                Ah oui, je me souviens très bien d' elle.
       สำนวนบางสำนวนที่ใช้กับ "en"
           Bon, je m' en vais ! Au revoir. A demain. (เอาล่ะ ! ฉันไปล่ะ ลาก่อน แล้วพบกันพรุ่งนี้)
           - Je ne supporte plus cette vie. J' en ai assez ! [J' en ai marre !] (ฉันทนสภาพชีวิตแบบนี้ไม่ไหวแล้ว ฉันเบื่อ !)
           - Je suis fatigué, je n' en peux plus ! (ฉันเหนื่อย ฉันไม่ไหวแล้ว !)
           - Ce n' est pas grave, ne t' en fais pas ! (ไม่หนักหนาอะไรหรอก ไม่ต้องกังวลหรอก !)
      ตำแหน่ง (place) : เช่นเดียวกับสรรพนามอื่นๆ "en" จะวางไว้หน้าคำกริยา :
         - Je bois du café.        J' en bois.
       ยกเว้น ในประโยคคำสั่งบอกเล่า "en" จะวางไว้หลังกริยา :
        - Prends encore du pain.        Prends-en encore.
      ระวัง : - Mange du riz.        Manges-en. [คืน "s" ให้กับรูปคำสั่งบุรุษที่ 2 เอกพจน์ที่เคยตัดออกไป
                                                                                 เหตุผลเพียงเพื่อความไพเราะในการออกเสียง]

สรรพนามที่แทนคำนามและเป็นกรรมของกริยา หรือเป็นส่วนขยายบอกสถานที่ จะวางไว้หน้ากริยา

         ยกเว้นเมื่ออยู่ในรูปคำสั่งบอกเล่า สรรพนามเหล่า่นี้ จะตามหลังกริยา

         1. กับสรรพนามเพียงหนึ่งตัว

             - Tu connais cette jeune fille ?   

            + Oui, je la connais.

            + Non, je ne la connais pas. 

               [ในประโยคปฎิเสธ สรรพนามจะอยู่ระหว่างปฎิเสธส่วนแรก "ne" และ "กริยา" ตามด้วยปฎิเสธส่วนที่สอง]

       ในประโยคคำสั่งบอกเล่า สรรพนามที่เป็นกรรมจะตามหลังกริยา

           - Achète ces fleurs.      Achète-les.

       ในประโยคคำสั่งปฎิเสธ สรรพนามที่เป็นกรรมจะกลับไปอยู่หน้ากริยาดังเดิม

           - N' achète pas ces fleurs.      Ne les achète pas.

       สังเกต : เครื่องหมายยัติภังค์ (trait d'union) "-" จะใช้คั่นระหว่าง กริยาและสรรพนาม ในประโยคคำสั่งบอกเล่า

         2. กับสรรพนามสองตัว

             สรรพนามที่แทนกรรมรองจะอยู่หน้าสรรพนามที่แทนกรรมตรง

                - Il me prête son livre.      Il me le prête.

                - Elle nous raconte son histoire.      Elle nous la raconte.

              หากสรรพนามที่แทนกรรมรองเป็นบุรุษที่ 3 (lui หรือ leur) สรรพนามที่แทนกรรมตรง

                จะนำหน้าสรรพนามที่แทนกรรมรอง

                - Il offre ce cadeau à Hélène.      Il le lui offre.

                - Le professeur explique les leçons aux élèves.      Il les leur explique.

         ในประโยคคำสั่งบอกเล่า หลังกริยาจะตามด้วยสรรพนามที่แทนกรรมตรงก่อน

            แล้วจึงตามด้วยสรรพนามที่แทนกรรมรอง

            - Donnez-moi votre adresse.      Donnez-la-moi.

            - Apporte ces fleurs à Roselyne.      Apporte-les-lui.

          ในประโยคคำสั่งปฎิเสธ สรรพนามจะกลับไปอยู่หน้ากริยาเหมือนเดิม โดยสรรพนามที่แทนกรรมรอง

             จะนำหน้ากรรมตรง ยกเว้นเมื่อสรรพนามที่แทนกรรมรองเป็นบุรุษที่ 3 (lui หรือ leur) สรรพนามที่แทนกรรมตรง

             จะนำหน้าสรรพนามที่แทนกรรมรอง

        สังเกต : เครื่องหมายยัติภังค์ (trait d'union) "-" จะใช้คั่นระหว่าง กริยาและสรรพนามทั้งสองตัว ในประโยคคำสั่งบอกเล่า

           3. สรรพนาม "y" และ "en" นั้นจะอยู่ท้ายสุดตามลำดับในบรรดาสรรพนามทั้งหมด

            - Jean m' invite au restaurant.      Il m' y invite.

               - Je donne de l' argent à mes enfants.      Je leur en donne.

               - Il y a assez de pain ?       Oui, il y en a assez.

        สังเกต : - Donnez-moi un kilo d' oranges.      Donnez-m' en un kilo.

        เมื่อมีคำกริยาในรูป infinitif ตามหลังคำกริยาตัวแรก สรรพนามที่ใช้แทนกรรมจะอยู่หลังคำกริยาตัวแรก

           และอยู่หน้า infinitif

           - Je ne peux pas répondre à ces questions.     Je ne peux pas y répondre.

           - Elle veut voir ce film.       Elle veut le voir.

        สำหรับคำกริยา "faire" และ "laisser" เมื่อตามด้วย infinitif สรรพนามที่แทนกรรมจะอยู่หน้าคำกริยาตัวแรก

           - Maman fait cuire les pâtes.      Maman les fait cuire.

           - Elle ne laisse pas sortir ses enfants le soir.      Elle ne les laisse pas sortir le soir.

         ยกเว้น : ในประโยคคำสั่งบอกเล่า สรรพนามจะอยู่หลังคำกริยาตัวแรก

           - Laissez les enfants jouer !       Laissez-les jouer !

           - Fais venir le médecin.      Fais-le venir.





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น