สุดยอด 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกทั้ง 3 ยุค
สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
คำว่า "สิ่งมหัศจรรย์" มีความหมายหมายถึงสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้น มีความวิจิตงดงาม และทรงคุณค่ายิ่งทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม ปฏิมากรรม โดยเฉพาะเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ ไม่น่าที่มนุษย์จะมีความสร้างสรรค์ขึ้นมาได้ใหญ่โตหรืองดงามขนาดนี้
สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ งดงาม และมีคุณค่ายิ่ง อีกทั้งไม่น่าเชื่อว่า ธรรมชาติจะเก่งกาจถึงขนาดนั้น ก็นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ด้วย
การแบ่งประเภทของสิ่งมหัศจรรย์
การแบ่งประเภทของสิ่งมหัศจรรย์ในโลกอันกว้างนั้นสามารถจำแนกออกเป็นหลายสาขาด้วยกัน เช่น สิ่งมหัศจรรย์สาขาภูมิศาสตร์,สาขาประวัติศาสตร์,สาขาจิตรกรรม และสถาปัตยกรรม,สาขาชีววิทยา และสาขาวิทยาศาสตร์
การจัดแบ่งสิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรม หรือในด้านการก่อสร้าง สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ยุค หรือ 3สมัย คือ
- สิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์สมัยโบราณ
- สิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์สมัยกลาง
- สิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์สมัยปัจจุบัน
สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ
สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ(อายุตั้งแต่ 5,000 ปี ก่อนคริสต์กาล - ค.ศ. 500 )ประมวลและจัดโดยนักปราชญ์กรีก ชื่อ แอนติเพเตอร์( Antipater ) แห่งไซดอน ( Sidon )ในศตวรรษที่สองก่อน ค.ศ. สิ่งมหัศจรรย์ของโลก 7 อย่าง สมัยโบราณเป็นผล งานของมนุษย์ทางด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรมและศิลปะชวนพิศวง จากยุคสมัยแรกเริ่มอารยธรรมของโลกในแถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ในอียิปต์ ถึงยุคความรุ่งเรืองของอารยธรรมกรีกโบราณและยุคสมัยอาณาจักรโรมันเรืองอำนาจ
1.พีระมิดอียิปต์ (The Pyramids of Egypt)

พีระมิดอียิปต์เป็นสิ่งมหัสจรรย์ยุคโบราณเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงสภาพเกือบสมบูรณ์เหมือนใน อดีต ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ณ เมืองกีเซ (Giza) ตอนเหนือของกรุงไคโร เมืองหลวงของอียิปต์ ประกอไปด้วยพีระมิดใหญ่ 3 องค์ คือ พีระมิดที่บรรจุพระศพของฟาโรห์คีออปส์ (Cheops) คีเฟรน (Chephren) และไมเซอริมุส (Mycerimus) พีระมิดคีออปส์เป็นพีระมิดที่ใหญ่ที่สุด สร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ 3500 ปีก่อนคริสต์ศักราช เดิมสูงถึง 481 ฟุต แต่ปัจจุบันลดลงเหลือ 450 ฟุต ฐานของพีระมิดครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 32.5 ไร่ ( 13 เอเคอร์ ) สร้างขึ้นโดยการใช้หินทรายตัดเป็นแท่งสี่เหลี่ยมก้อนละประมาณ 2.5ตัน ถึง 30 ตัน โดยใช้หินทั้งหมดกว่า 2.3 ล้านก้อน ใช้แรงงานทาสและกรรมกรในการก่อสร้างประมาณ 100,000 คน ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 20 ปี สำหรับพีระมิดคีเฟรนหรือพีระมิดรูปสฟิงซ์ซึ่งเป็นคนครึ่งราชสีห์ โดยมีใบหน้าเป็นคนมีตัวเป็นราชสีห์อยู่ในท่าหมอบเฝ้าหน้าพีระมิดคีออปส์สูงประมาณ 66 ฟุต
2.ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย (The Pharos (Lighthouse) of Alexandria)

3.สวนลอยแห่งบาบิโลน (The Hanging Garden of Babylon)
สวนลอยแห่งบาบิโลนตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส บนผืนแผ่นดินของประเทศอิรักในปัจจุบัน สวนลอยบาบิโลนเป็นสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ที่ 2 (Nebuchadnezzar II) แห่งกรุงบาบิโลเนียทรงดำริให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอุทยานพักผ่อนแด่พระมเหสีของพระองค์ เมื่อประมาณ 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช สวนลอยที่สร้างบนพื้นดินกึ่งทะเลทรายนี้มีลักษณะเป็นชั้นลดหลั่นกันขึ้นไปสูงประมาณ 75 ฟุต บนพื้นที่ 400 ตารางฟุต ระเบียงของแต่ละชั้นได้รับการตกแต่งด้วยการปลูกไม้ดอก ไม้พุ่ม และไม้ยืนต้นต่างๆ โดยมีระบบชลประทานชักรอกน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติสขึ้นไปสู่ชั้นบนสุด เพื่อปล่อยให้ไหลลงมายังชั้นต่างๆ สร้างความชุ่มชื้นให้แก่ต้นไม้ตลอดทั้งปี ส่วนผนังแต่ละด้านประดับประดาด้วยกระจกสีอย่างสวยงาม ปัจจุบันสวนลอยบาบิโลนได้พังทลายสูญหายไปหมดแล้ว
4.สุสานมุสโซเลียมแห่งฮาลิคานาสซัส (The Mausoleum at Halicarnassus)
4.สุสานมุสโซเลียมแห่งฮาลิคานาสซัส (The Mausoleum at Halicarnassus)
สุสานมุสโซเลียม สร้างขึ้นโดยพระนางอาเตมีเชีย พระมเหสีของกษัตริย์มุสโซลุส (Mausolus) แห่งคาเรีย เพื่อเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์มุสโซลุสหลังจากที่พระองค์สวรรคตเมื่อประมาณ 353 ปีก่อนคริสต์ศักราช ตั้งอยู่ที่เมืองฮาลิคานาสซัสหรือเมืองซาเรีย ในประเทศอิหร่านปัจจุบัน ตัวสุสานสูงประมาณ 135 ฟุต ความยาวฐานโดยรอบ 460 ฟุต สร้างด้วยหินอ่อนล้วน หลังคาชั้นบนสุดเป็นฐานสี่เหลี่ยมมีรูปแกะสลักของพระเจ้ามุสโซลุสประทับราชรถเทียมม้าอย่างสง่างาม แต่ต่อมาราวคริสต์ศตวรรษที่ 12 - 13 ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น ทำให้สุสานพังทลายลงมา ปัจจุบันจึงคงเหลือแต่ซากปรักหักพังบางส่วนที่พิพิธภัณฑ์แห่งอังกฤษเก็บอนุรักษ์ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังศึกษากันต่อไป
5.อนุสาวรีย์โคโลสซูสแห่งเกาะโรดส์ (The Colossus of Rhodes)
อนุสาวรีย์โคโลสซูสหรือเทพเจ้าอพอลโล (Apollo) เป็นเทวรูปที่หล่อขึ้นด้วยทองคำสำริดในท่ายืน ตั้งอยู่ที่เมืองโรดส์ ประเทศกรีซ สูงประมาณ 120 ฟุต สร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ 300ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยกษัตริย์ชาเรสแห่งลินดุส (chares of Lindus) ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 12 ปี แต่พังทลายลงหลังจากก่อสร้างได้ประมาณ 60 ปี เนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อ 224 ปีก่อนคริสต์ศักราช และไม่ได้รัการบูรณะซ่อมแซมเป็นเวลาประมาณ 900 ปี จนกระทั่งในราวคริสต์ศตวรรษที่ 10 ชาวเมืองซาราเซนส์ได้ทำการซื้อเศษทองสำริดของอนุสาวรีย์ เพื่อนำไปหล่อทำอาวุธสงครามจนหมดสิ้น เทวรูปขนาดใหญ่ยืนคร่อมปากอ่าวให้เรือลอดผ่านไปมาแห่งนี้ จึงไม่เหลือแม้แต่เศษชิ้นส่วนของความยิ่งใหญ่ไว้เลย
6.วิหารไดอานา (อาร์เทมิส) แห่งเมืองเอฟิซูส (The Temple of Diana (Artemis) at Epesus)
วิหารไดอานา ตั้งอยู่ที่เมืองเอฟิซูส ประเทศกรีซ สร้างขึ้นด้วยหินอ่อนเมื่อประมาณ 550 ปีก่อนคริสต์ศักราช ตัววิหารกว้าง 160 ฟุต ยาว 342 ฟุต ด้านกว้างมีเสาหินอ่อนเรียง 8 ต้น ด้านยาวเรียง 20 ต้น เสาแต่ละต้นสูง 60 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลาง 6 ฟุต หลังคาทำด้วยไม้มุงกระเบื้องหินอ่อน ขนาดของวิหารครอบคลุมพื้นที่ 54,720 ตารางฟุต เป็นวิหารที่สวยงามมาก เชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพธิดาอาร์เทมิสผู้เสด็จลงมาจากสรวงสรรค์เพื่อช่วยชาวเมืองให้พ้นจากภัยพิบัติและความหายนะทั้งปวง วิหารไดอานาได้รับการบูรณะซ่อมแซมเมื่อปี ค.ศ. 186 เนื่องจากถูกไฟไหม้ แต่ปัจจุบันเหลือแต่ซากโครงร่างที่ยังคงงดงามให้ได้ศึกษากันต่อไป
7.อนุสาวรีย์เทพเจ้าซีอุส (จูปีเตอร์)แห่งโอลิมเปีย (The Statue of Zeus (Jupeter) at Olympia)
อนุสาวรีย์เทพเจ้าซีอุสหรือจูปีเตอร์แห่งเมืองโอลิมเปีย ประเทศกรีซ สร้างขึ้นโดยปฎิมากรนามว่า ฟีดีอัส ในช่วงเวลาระหว่าง ค.ศ. 53-111เป็นอนุสาวรีย์สลักด้วยงาช้างรูปเทพเจ้าซีอุสประทับนั่งบัลลังก์ สูงประมาณ 40 ฟุต พระหัสถ์ขวาถือรูปจำลองเทพแห่งชัยชนะ (A Small Figure of Victory) พระหัสถ์ซ้ายถือคธา ฉลองพระองค์และเครื่องประดับทำด้วยทองคำล้วน ชาวกรีกโบราณให้ความเคารพนับถือว่าเป็นเทวรูปศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่ง แต่ปัจจุบันได้พังทลายสูญหายไปหมดเนื่องจากแผ่นดินไหว ยังคงมีหลักฐานเหลือไว้แต่เพียงในภาพวาดและในเหรียญโบราณเท่านั้น
สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง
(อายุตั้งแต่ คริสตศตวรรษที่ 5 - คริสตศตวรรษที่ 16 ) สิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยกลาง ถูกจัดขึ้นมาและเป็นที่ยอมรับกันแพร่หลาย ต่อมาหลังจากมีการตั้งข้อสังเกตว่า 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยโบราณแทบทั้งหมด ยกเว้นพีระมิดล้วนแต่เสื่อมโทรมเสื่อมสลายไปหมดสิ้น เหลือเพียงร่องรอยหลักฐาน หรือแบบจำลองเท่านั้น สิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยกลาง ล้วนแต่ยังดำรงอยู่เป็นหลักฐานให้ศึกษากันในปัจจุบัน ถึงแม้จะเสื่อมโทรมไปบ้างตามกาลเวลา สำหรับคำว่า สมัยกลาง ของ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยกลาง มีความหมายเพียงเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคถัดมาจากยุคโบราณเท่านั้น
1.หอเอนเมืองปีซา ประเทศอิตาลี (The Leaning Tower of Pisa)
หอเอนเมืองปีซา ตั้งอยู่ที่เมืองปีซา ประเทศอิตาลี เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสูง 181 ฟุต เริ่มสร้างเมื่อค.ศ. 1174 แต่การก่อสร้างต้องหยุดชะงักลงเมื่อก่อสร้างไปได้ประมาณ 4-5 ชั้น เนื่องจากพื้นดินใต้อาคารเริ่มยุบลงจากการที่รากฐานของอาคารไม่มั่นคงพอ อย่างไรก็ตามต่อมาได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยเมื่อปีค.ศ. 1350 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนของโครงสร้างด้านบนไปจากแผนผังเดิมเพื่อถ่วงดุลกับการเอียงของหอ โดยรวมระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 176 ปี แต่ตัวหอก็ยังเอนไปจากแนวตั้งฉากถึง 14 ฟุตปัจจุบันนี้ได้ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมข้างบนแล้ว เนื่องจากว่าหอจะเอนลงเรื่อยๆ ซึ่งบรรดาวิศวกรกำลังหาทางที่จะหยุดยั้งการเอนและอนุรักษ์ให้มีสภาพเอียงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ชมไปอีกนานๆ สำหรับหอเอนปิซานี้ภายในมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายด้วยฝีมือจิตรกรชื่อดังแห่งยุคได้สลักลวดลายไว้สวยงามมาก ณ ที่หอเอนปิซาแห่งนี้เป็นที่ที่กาลิเลโอขึ้นไปทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแรงดึงดูดของโลก
2. สนามกีฬาโคลอสเซียมในกรุงโรมของอิตาลี (The colosseum of Rome)

3.กำแพงเมืองจีน ประเทศจีน (The Great Wall of China)

4.กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์ เมือง ซัลลิสเบอรี่ ประเทศอังกฤษ (Stonehenge)

5.สุสานแห่งอเล็กซานเดรีย (คาตาโคมป์) เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ (The Catacombs of Alexandria)

6. สุเหร่าเซนต์โซเฟีย เมืองคอนสแตนดิโนเปิล ประเทศตุรกี (The Mosgue of Hagia Sophia)

7.เจดียกระเบื้องเคลือบเมืองนานกิง ประเทศจีน (The Porcelain Tower of Nanking)

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน
เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ หรือเดิมคือ เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน จัดทำขึ้นโดยองค์กรของสวิตซ์ The New Open World Corporation (NOWC) ซึ่งผลสรุปสุดท้ายได้ประกาศเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ที่กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส
1. เมืองโบราณซีเชน อิตซา ของชนเผ่ามายา ในเขตยูคาทาน เม็กซิโก

2. รูปปั้นพระเยซูคริสต์ หรือคริสต์ รีดีมเมอร์ บนยอดเขาในนครริโอ เดอ จาเนโร ของบราซิล
รูปปั้นพระเยซูคริสต์ ตั้งอยู่บนยอดเขาโคคาวาดู ( Cocarvado ) กรุงริโอ เดอ จาเนโร ( Rio de Janero ) ประเทศบราซิล มีความสูงราว 38 เมตร สร้างในปีค.ศ. 1921ได้รับการออกแบบโดยไฮตอร์ ดา ซิลวา กอสตา( Heitor da Silva Costa )ชาวบราซิล และสร้างโดยพอล ลันดอฟสกี ( Paul Landowski ) ประติมากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโปแลนด์ ใช้เวลาในการสร้าง 5 ปี โดยทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ตุลาคม 1926 ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปยังฐานของรูปปั้นเพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองริโอ เดอ จาเนโรได้
3.กำแพงเมืองจีน (ติดโผครั้งที่ 2 จากยุคกลาง)

4. เมืองโบราณมาชูปิกชู ของชนเผ่าอินคา ในเปรู
มาชู พิคชู หรือนครสาบสูญแห่งอินคา ( The Lost City of the Incas ) เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนภูเขาในประเทศเปรู อยู่สูงจากระดับนำทะเลถึง 2,350 เมตร มาชู พิคชูสร้างโดยจักรวรรดิ์อินคา และถูกทิ้งร่างเมื่ออินคาพ่ายแพ้แก่ชาวสเปน จนกระทั่งถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวอเมริกันชื่อ ฮิราม บิงแฮม ( Hiram Bingham ) ในปีค.ศ. 1911
5. เมืองโบราณเพตรา ในจอร์แดน

6. สนามกีฬาโคลอสเซียมในกรุงโรมของอิตาลี

7. ทัชมาฮาล ในเมืองอักรา ประเทศอินเดีย

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น